มารู้จักความเป็นมาของเกาะสวรรค์นามว่า “มัลดีฟส์”

maldives-12

ทัวร์มัลดิฟส์พาคุณๆมาเยี่ยมสวรรค์บนดินแล้ว  นักท่องเที่ยวหลายคนสงสัยว่าเกาะที่สวยงามเช่นนี้มีประวัติความเป็นมายังไง  เราเลยไปไขข้อมูล ประวัติความเป็นมาของมัลดีฟส์มาเล่าสู่กันฟังจ้า

เดิมทีเดียวมัลดีฟส์  มีชื่อภาษาอังกฤษว่า  Maldives; ดิเวฮิިރާއްޖެหรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ (Republic of Maldives ްރިހޫމްޖު) เป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและศรีลังกา

ที่ตั้งประเทศมัลดีฟส์ในคริสต์ศตวรรษที่ 18นั้น ชนพื้นเมืองพวกแรกที่อาศัยอยู่ในมัลดีฟส์ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล คือ พวกดราวิเดียนและสิงหล ซึ่งนับถือศาสนาพุทธ ชาวมัลดีฟส์โบราณจึงนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก ต่อมาในคริสต์ศวรรษที่ 12 มัลดีฟส์ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และมีสุลต่านราชวงศ์ต่าง ๆ เป็นผู้ปกครองประเทศในยุคแรก ได้แก่

·       ราชวงศ์โสมวันสา (Somavansa) หรือ Malei มีสุลต่าน 16 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 169 ปี

·       ราชวงศ์วีรุ อุมรุ (Veeru Umaru) มีสุลต่าน 5 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 75 ปี

·       ราชวงศ์หิลาลิ (Hilali) มีสุลต่าน 25 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 170 ปี

การครอบครอง – ชาวโปรตุเกสได้พยายามเข้ายึดครองมัลดีฟส์ตั้งแต่คริสตวรรษที่ 13 และ ประสบความสำเร็จในปี ค.ศ. 1558 (พ.ศ. 2101) และได้ปกครองมัลดีฟส์อยู่เป็นเวลา 15 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1573 (พ.ศ. 2116) มีการสถาปนาการปกครองระบบสุลต่านขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการตั้งราชวงศ์อุทีมุ (Utheemu) ซึ่งมีสุลต่านในราชวงศ์ 5 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 121 ปี ในสมัยราชวงศ์นี้ มีการพัฒนาระบบการปกครอง การทหารและการเงินให้ดีขึ้น ต่อมามีราชวงศ์ปกครองอีก 3 ราชวงศ์ ได้แก่ ราชวงศ์อิสดู (Isdhoo), ดิยมิกิลิ (Dhiyamigili) และหุราเก (Huraage)

ในปี ค.ศ. 1887 (พ.ศ. 2430) อังกฤษได้แผ่อิทธิพลในแถบมหาสมุทรอินเดีย สุลต่านมูฮัมหมัด มูอีนุดดีนที่ 2 (Muhammad Mueenudhdheen II) จึงได้ทำความตกลง The Agreement on December 16th , 1887 กับอังกฤษ ซึ่งส่งผลให้มัลดีฟส์อยู่ภายใต้การอารักขาของอังกฤษ (protection period)

ในปี ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) อังกฤษให้เอกราชแก่ศรีลังกา มัลดีฟส์จึงแยกตัวออกจาก ศรีลังกา โดยยังคงสถานะเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ ต่อมาในปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497) ได้มีการสถาปนาระบบสุลต่านขึ้นอีกครั้ง โดยมีการปกครองโดยรัฐสภา มีสภาสูงซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 80 คน และสภาล่างอีก 46 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) อังกฤษได้มอบเอกราชให้แก่ มัลดีฟส์ หลังจากเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษเป็นเวลา 79 ปี แต่อังกฤษยังคงเช่าเกาะกาน (Gan Island) ทางตอนใต้สุดของประเทศไว้เป็นฐานทัพถึงปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)

             เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511) มัลดีฟส์ยกเลิกระบบสุลต่านและได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ โดยมีนาย Amir Ibrahim Nasir เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของมัลดีฟส์และบริหารประเทศจนถึงปี ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) ต่อมา นาย Maumoon Abdul Gayoom ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสืบแทนจนกระทั่งปัจจุบัน โดยได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีติดต่อกับถึง 5 สมัย (สมัยละ 5 ปี) นับเป็นประมุขฝ่ายบริหารที่บริหารประเทศนานที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้

รู้ไว้ก่อนไปนิวซีแลนด์

NewZealand-12

มีคำกล่าวอยู่คำหนึ่งของไทยที่ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกยุคสมัยอยู่เสมอไม่ว่าจะไปที่แห่งใดนั่นก็คือคำว่า “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม” ดังนั้นหากเราคิดจะไปทัวร์นิวซีแลนด์แล้วเราก็ควรที่จะเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวนิวซีแลนด์เพื่อที่เวลาไปทัวร์นิวซีแลนด์จะได้ทำตัวได้ถูกต้องครับ

               การดำเนินชีวิตของชาวนิวซีแลนด์นั้นโดยทั่วไปจะคล้ายคลึงกับประเทศทางตะวันตกแต่ก็มีบางอย่างที่แปลกออกไป เช่นชาวกีวีจะชอบเล่นกีฬาเป็นพิเศษรวมไปถึงยังเชื่อในเรื่องของความเท่าเทียมกันในสังคม เหล่านี้เป็นต้น

               ชาวนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่มักจะเป็นมิตรกับคนทั่วไปและไม่ชอบมีพิธีรีตองหรือพิธีการมากนัก การพูดคุยก็จะใช้ภาษาง่ายๆ สบายๆ ไม่ซับซ้อนเว้นแต่การติดต่อทางภาษเขียนหรือการติดต่อกับทางราชการหรืออย่างเป็นทางการจึงจะใช้ภาษาที่เป็นระเบียบแบบแผนโดยภาษาที่ชาวนิวซีแลนด์ใช้นั้นโดยทั่วไปจะใช้ภาษาอังกฤษแต่หากไปแถบพื้นเมืองก็อาจจะได้ยินภาษาพื้นเมืองท้องถิ่นบ้าง

               อีกเรื่องหนึ่งที่คนที่ไปทัวร์นิวซีแลนด์ควรทราบก็คือมารยาทในการใช้ชีวิตประจำวันของชาวนิวซีแลนด์โดยชาวนิวซีแลนด์นั้นมักจะชอบคนที่เข้าแถวรอคิว, คนที่ขออนุญาตก่อนจะสูบบุหรี่,นอกจากนี้เมื่อเราเดินตามทางเท้า ควรที่จะเดินชิดซ้ายเสมอเพื่อให้ทางกับคนอื่นที่สวนทางมาเพราะการเดินเป็นกลุ่มเต็มทางเท้าที่นิวซีแลนด์นั้นถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง, ห้ามถ่มน้ำลายหรือสั่งน้ำมูกลงบนพื้น หรือกระทำการใดๆ ที่แสดงออกถึงความรุนแรงทำร้ายร่างกายเช่น การตบตี หรือการลงโทษเด็ก ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นการทำผิดกฎหมายของประเทศนิวซีแลนด์ครับ

สิบสถานที่ท่องเที่ยวลาว ตอนที่สอง-แพคเกจทัวร์ประเทศลาว

laos-04

อีกหนึ่งใน แพคเกจทัวร์ประเทศลาว ผ่านพ้นกับไปแล้ว 2 สถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวลาว “ห้ามพลาด” อย่างเด็ดขาดเป็นอย่างไรกันบ้างครับรู้สึกสนอกสนใจกับบ้างหรือยังถ้ายังแล้วล่ะก็เราไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่เหลือกันครับ

               3.วังเวียง

               วังเวียงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งในประเทศลาวที่ทัวร์ลาวทั้งในเอเชียและยุโรปต่างไปเยี่ยมชมซึ่งวังเวียงนั้นตั้งอยู่ในเมืองวังเวียง ริมแม่น้ำซอง ตัวเมืองวังเวียงนั้นล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ จึงทำให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติ เหมาะสำหรับการไปพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์

               4.เวียงจันทน์

               เมื่อพูดถึงวังเวียงแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเวียงจันท์เพราะเมืองเวียงจันท์นั้นถือเป็นเมืองหลวงของประเทศลาวนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ลาวทุกคนต้องมาเมืองนี้ให้ได้ เมืองเวียงจันท์อยู่ห่างจากวังเวียงเพียงแค่ 150 กิโลเมตรเท่านั้นทำให้การเดินทางระหว่างกันทำได้โดยสะดวก

               เมืองเวียงจันท์นี้ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลามีความคึกคักทางเศรษฐกิจมากเมืองหนึ่งของประเทศลาว

               5.ทุ่งไหหิน

               ทุ่งไหหินถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของประเทศลาวอยู่ในเมืองเชียงขวางเป็นที่ราบที่เต็มไปด้วยหินรูปทรงคล้ายไหหรือโอ่ง นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า ไหพวกนี้มีมาตั้งแต่ยุคหิน และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมฝังศพ เพราะมีการค้นพบซากโครงกระดูกมนุษย์และสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการฝั่งศพบริเวณรอบ ๆ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าไหหินนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวลาวที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว